บทที่2เว็บสร้างสีสันให้อินเตอร์เน็ต
บทที่ 2
วัตถุประสงค์
1.บอกความหมายของเว็บได้
2.บอกหลักการทำงานของเว็บได้
2.1 ความหมายของเว็บ
เว็บเว็บเป็นบริการในอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อมีบริการข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตในรูปของเว็บทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งเมื่อกล่าวถึงอินเทอร์เน็ตผู้คนทั่วไปเข้าใจว่าเว็บนั้นคืออินเทอร์เน็ตหรืออินเตอร์เน็ตคือเว็บซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วอินเทอร์เน็ตคือเครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในขณะที่เว็บคือข้อมูลข่าวสารในรูปเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ กล่าวคือเป็นเอกสารที่มีส่วนของคำหรือข้อความที่เมื่อคลิกแล้วจะเชื่อมโยง ไปยังส่วนอื่นของเอกสารเดียวกันหรือต่างเอกสารกันหรือเชื่อมโยงไปยังข้อมูลมัลติมีเดียส่วนที่คลิกแล้วเชื่อมโยงไปยังส่วนอื่นเรียกว่าไฮเปอร์ลิงก์และถ้าการเชื่อมโยงนี้เป็นการเชื่อมโยงที่มีข้อมูลมัลติมีเดียก็จะเรียกโดยสารไฮเปอร์เท็กซ์ว่าเอกสารไฮเปอร์มีเดียไฮเปอร์มีเดียซึ่งประกอบด้วยไฮเปอร์เท็กซ์และมัลติมีเดีย

ภาพที่ 2.1 แสดงการเชื่อมโยงข้อมูลในลักษณะไฮเปอร์มีเดีย
เว็บเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆโดยใช้โปรโตคอลหรือข้อตกลงของมาตรฐานเครือข่ายเป็น HTTP (Hypertext Transfer Protocol) ในการเรียกใช้เอกสารไฮเปอร์เท็กซ์และไฮเปอร์มีเดียด้วยโปรแกรมประเภท Web Browser ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับอ่านเอกสารดังกล่าวนี้
ไฮเปอร์ลิงค์ในเว็บเป็นตัวเชื่อมที่มีอิสระแก่ผู้ใช้ในการเรียกการเชื่อมต่อไปยังส่วนที่ต้องการการใช้ข้อมูลในเว็บจึงแตกต่างจากการค้นหาข้อมูลที่นิยมในแบบเดิมคือ gopher ซึ่งมีลักษณะการค้นหาข้อมูลเป็นเชิงเส้นตรงในขณะที่เว็บแตกกิ่งสาขาไปในทิศทางต่างๆนอกจากนี้เว็บยังใช้กับโปรโตคอลต่างๆของอินเทอร์เน็ตได้ เช่น Gopher FTP เป็นต้น เป็นต้น
ข้อมูลและสารสนเทศในอินเทอร์เน็ตมีการพัฒนาให้อยู่ในรูปของมัลติมีเดียบนเว็บที่ผสมผสานข้อความภาพกราฟฟิกเสียงวีดีทัศน์และภาพเคลื่อนไหวเข้าด้วยกันทำให้เว็บเป็นแหล่งสารสนเทศที่เหมาะต่อการเรียนรู้ข้อมูลที่หลากหลายและอย่างมีสีสัน
2.2 ความเป็นมาของเว็บ
ในช่วงเวลาเพียง 4-5 ปีเว็บได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศทุกรูปแบบโดยเฉพาะในด้านมัลติมีเดียซึ่งเป็นข้อมูลข่าวสารที่สามารถกระตุ้นการรับรู้และสร้างความน่าสนใจให้แก่ผู้รับการพัฒนาโปรแกรมค้นหาข้อมูลในเว็บและการพัฒนาเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารผ่านเว็บช่วยให้เว็บกลายเป็นแหล่งความรู้และการเรียนรู้ด้วยตนเองสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น
เว็บเป็นเพียงบริการหนึ่งในหลายๆบริการของอินเทอร์เน็ตเป็นบริการที่เกิดหลังจากบริการอย่างอื่นๆซึ่งได้แก่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์การสนทนาผ่านทางเครือข่ายการอภิปรายผ่านกระดานข่าวการอ่านข่าวการค้นหาข้อมูลและการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลเป็นต้น
ผู้ประดิษฐ์คิดค้นเว็บ คือ Tim Berners-Lee แห่งCERN เมื่อปีคริสตศักราช 1989 เพื่อช่วยให้การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องง่ายขึ้นเนื่องจากเป้าหมายของ CERN ต้องการพัฒนาให้การสื่อสารติดต่อถึงกันระหว่างนักฟิสิกส์ที่อยู่จากมหาวิทยาลัยและต่างสถาบันในหลายประเทศที่เป็นสมาชิกให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล การพัฒนาดำเนินมาเป็นเวลานานหลายปีโดยในยุคแรกของเว็บนี้ Tim Berners-Lee ได้เป็นผู้นำเสนอ URL (Uniform Resource Locator) ซึ่งเป็นวิธีการชี้บอกแหล่งที่อยู่ของเอกสารเพื่อใช้เป็นสากลการกำหนดโปรโตคอล http สำหรับการส่งเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์และภาษา html สำหรับการสร้างเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์
ภาพที่ 2.2 Tim Berners-Lee ผู้ประดิษฐ์คิดค้นเว็บเมื่อปี ค.ศ.1989
เว็บได้มีการพัฒนาเป็นลำดับจนเข้าสู่เว็บยุคที่ 2 เมื่อ Marc Andersen นักเขียนโปรแกรมทำงานอยู่ที่ (National Center for Supercomputing Applications) ในเมือง Urbana-Champaign ของรัฐอิลลินอยส์ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สร้างโปรแกรมท่องเว็บ (Web Browser) ชื่อ MOSAIC ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1993 ทำให้คนนับล้านคนรู้จักเว็บกันมากขึ้นและให้การยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เว็็บยุคที่ 3 เริ่มเมื่อ Andressen ออกจาก NCSA เพื่อก่อตั้งและสร้างโปรแกรม web browser ชื่อ Netscape และในเวลาต่อมาไม่นานบริษัท Microsoft ก็ได้ พัฒนา โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ชื่อ internet explorer ขึ้น ซึ่งเป็นโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน
เว็บจึงมีการพัฒนาขึ้นด้วยการผสมผสานการสร้างสรรค์โปรโตคอลของเว็บโดย Tim Berner-Lee ซึ่งทำให้เกิดการเชื่อมโยง ขึ้นและด้วยโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ของ Marc Andersen ทำให้เกิดการใช้งานแบบที่สมบูรณ์แบบและในเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นเว็บก็เป็นที่รู้จักและนิยมกันแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
2.3 การทำงานของเว็บ
เว็บทำงานภายใต้รูปแบบผู้ใช้-ผู้ใช้บริการ(Client-Server Model) โดยมีเครื่องให้บริการเว็บด้วย web Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตมีโปรแกรม web Server ทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ ในขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้จะมีโปรแกรมเว็บไคลแอนต์(Web client) สำหรับใช้ในการ เรียกเอกสารจากเครื่อง Server ตามที่อยู่ ที่ผู้ชายต้องการเครื่อง web Server จึงมีหน้าที่ให้บริการเอกสารต่างๆแก่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆโปรโตคอลที่เว็บไคลแอนต์ และเว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้สื่อสาร คือHTTPทุกเว็บไคลแอนต์ และเว็บเซิร์ฟเวอร์จะต้องสื่อถึงกันด้วย http เพื่อที่จะสามารถส่งและรับเอกสารไอเปอร์เท็กซ์และไฮเปอร์มีเดียได้ เหตุนี้จึงมักเรียก web Server ว่า http Server
โปรแกรม web client ซึ่งเป็นที่รู้จักและเป็นที่คุ้นเคยกันในยุคเว็บเริ่มต้นคือโปรแกรม MOSAIC สามารถเรียกเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ในลักษณะของการแสดงข้อมูลที่เป็นภาพได้ นอกเหนือจากข้อมูลที่เป็นข้อความแล้ว ทั้งนี้เดิมทีนั้นมีบราวเซอร์ที่เรียกแสดงได้เพียงข้อความเท่านั้นคือโปรแกรมบราวเซอร์ ที่ชื่อว่าลิงซ์(Lynx)
2.4 เว็บเพจ
หน้าของเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์แต่ละหน้าเรียกว่าเว็บเพจ (Web page) เว็บเพจเป็นแฟ้มที่เปิดดูได้ด้วยโปรแกรมเว็บบราวเซอร์เป็นแหล่งที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ต ผ่านส่วนที่เป็นไฮเปอร์ลิงค์เช่น การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลการค้นหาข้อมูลการอ่านข่าวการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
แหล่งที่อยู่ของเว็บเพจเรียกว่าเว็บไซต์(Web site) แต่ละเว็บไซต์จะประกอบด้วยเว็บเพจตั้งแต่ 2-3 หน้าขึ้นไปหน้าแรกของเว็บไซต์เรียกว่าโฮมเพจส่วนหน้าอื่นๆเรียกว่าเพจโฮมเพจจึงเป็นเสมือนหน้าบ้านของข้อมูลและสารสนเทศที่อยู่ในรูปแบบของเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์นอกจากนี้หน้าแรกที่ปรากฏเมื่อเลือกใช้โปรแกรม web browser ก็เรียกว่าหน้าโฮมเพจเช่นกันซึ่งเป็นการกำหนดโดยผู้ใช้ Web Browser นั้น
ที่อยู่ (address) ของเว็บไซต์และเว็บเพจได้มีการกำหนดขึ้นเป็นสากลเพื่อบ่งบอกว่าเว็บเพจนั้นอยู่ที่ใดเรียกกันโดยย่อว่า URL (Uniform Resource locator)
URL ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนส่วนที่ 1 คือโปรโตคอลส่วนที่ 2 คือชื่อเครื่องให้บริการแม่ข่ายและส่วนที่ 3 คือเส้นทางที่บอกที่อยู่ของเอกสารในเครื่องให้บริการนั้น
โปรแกรม web browser สามารถเรียกหาที่อยู่ของเครื่อง web Server จากระบบปริเฉทชื่อ Domain Name System หรือ DNS ระบบการะเกดชื่อเป็นชื่อที่อ้างถึงคอมพิวเตอร์ที่ต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยระบบนี้เขตชื่อใช้แทนที่อยู่แบบ IP (Internet Protocol Address) ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุดเช่น 158.108.2.71 ชุดตัวเลขเช่นนี้ยากแก่การจดจำจึงมีวิธีการตั้งชื่อให้จำและใช้งานได้ง่ายระบบปฏิเสธชื่อได้รับการกำหนดเป็นมาตรฐานโดยแบ่งเป็นลำดับขั้นตามสภาพภูมิศาสตร์ออกเป็นประเภทประเภทขององค์กรและชื่อองค์กรอาทิเช่น web Server World ที่มีชื่อว่า www.ku.ac.th จะมีบริการของชื่อดังนี้ th แทนประเทศไทยac แทนประเภทองค์กรku เป็นชื่อองค์กรและ www ชื่อเครื่อง Server ทั้งนี้คำที่ใช้แทนกลุ่มประเภทขององค์กร จะมีแตกต่างกันไปสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้คำต่อไปนี้เพื่อแทนกลุ่มขององค์กรต่างๆ ดังนี้
ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ละชื่อประเทศไว้ในฐานที่เข้าใจ เช่น www.orst.edu จะไม่มี .us ต่อท้ายสำหรับประเทศอื่นจะใช้ชื่อประเทศเป็นชื่อชุดสุดท้าย เช่น
au แทน ประเทศออสเตรเลีย
jp แทน ประเทศญี่ปุ่น
uk แทน ประเทศอังกฤษ
hk แทน ประเทศฮ่องกง
th แทน ประเทศไทย
fr แทน ประเทศฝรั่งเศส
sg แทน ประเทศสิงคโปร์
ส่วนชุดที่แสดงกลุ่มขององค์กรในประเทศไทยใช้คำต่อไปนี้ เช่น
go หมายถึง หน่วยงานของรัฐบาล(governmental)
ac หมายถึง สถาบันการศึกษา(academic)
co หมายถึง องค์กรธุรกิจ (commercial)
or หมายถึง องค์กรอื่นๆเช่นรัฐวิสหกิจ (organizations)
2.5 โปรแกรมเว็บบราวเซอร์
มีส่วนประกอบของหน้าจอคล้ายคลึงกับโปรแกรมบน Windows อื่นๆคือมีส่วนที่เป็นแถบชื่อโปรแกรมแถบเมนูและแถบเครื่องมือโดยที่แถบเครื่องมือของเว็บบราวเซอร์จะมีปุ่มสำหรับคลิกเพื่อการเดินหน้าถอยหลังเพื่อไปยังเว็บเพจที่ได้คลิกเลือกดูมาแล้วมีปุ่มคลิกกลับหน้า Home Page ที่กำหนดไว้ในโปรแกรมเว็บบราวเซอร์นั้นปุ่มสำหรับการเรียกดูเอกสารที่จัดเก็บไว้และผู้อื่นๆเพื่อการใช้บริการบนเว็บเช่นไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์และการค้นหาข้อมูล เป็นต้น

ส่วนสำคัญต่างๆของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์แสดงในภาพที่ 2.3 ดังนี้
หมายเลข 1 คือปุ่ม Back และปุ่ม Forward เมื่อคลิกปุ่Back จะกลับไปยังเว็บเพจหน้าที่ผ่านมาแล้วเมื่อคลิกปุ่ม Forward จะไปยังเว็บเพจหน้าถัดไปจากที่ได้ดูอยู่ในขณะนั้น
หมายเลข 2 คือปุ่ม Refresh เมื่อคลิกปุ่มนี้จะทำให้เว็บเพจหน้านั้นแสดงผลเป็นปัจจุบันปุ่มนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อการแสดงผลยังเป็นข้อมูลเก่าอยู่หรือภาพกราฟฟิกแสดงผลไม่สมบูรณ์
หมายเลข 3 คือปุ่ม Home เมื่อคลิกปุ่มนี้จะทำให้กลับไปยังหน้าโฮมเพจหรือหน้าแรกที่เราเห็นเมื่อเปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์
หมายเลข 4 คือปุ่ม search กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใช้ค้นหาข้อมูลสามารถเลือกบริการค้นหาข้อมูลด้วยโปรแกรมค้นหาที่ต้องการ
หมายเลข 5 คือปุ่ม Favorites เป็นปุ่มแสดงแถบรายการเพื่อให้เรียกเก็บแหล่งเว็บไซต์หรือเลือกแหล่งเว็บไซต์จากที่เก็บไว้นั้นทำให้สะดวกต่อการไปยังเว็บไซต์หรือเอกสารที่ต้องการไปหรือเรียกบ่อยๆ
หมายเลข 6 เป็นแถบสำหรับใส่ที่อยู่มีช่องให้พิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์หรือ URL หรือเส้นทางที่เอกสารนั้นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น
หมายเลข 7 แสดงแถบสถานะเมื่อกำลังมีการถ่ายโอนเว็บเพจให้สังเกตที่แถบล่างซ้ายนี้
2.6 มัลติมีเดียบนเว็บ
การสร้างมัลติมีเดียบนเว็บได้ขยายขอบข่ายจากการใช้ภาษา html มาใช้เทคโนโลยีบนเว็บเช่นเทคโนโลยี Shockwave และเทคโนโลยี Streaming ตลอดจนการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานกับเว็บเช่นภาษาวาจาและภาษาจาวาสคริปต์ทำให้การแสดงผลมัลติมีเดียบนหน้าเว็บเพจในระบบเครือข่ายเป็นไปได้เหมือนกับมัลติมีเดียที่เล่นจากแผ่นซีดีโดยตรงและโปรแกรมอ่านเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ก็ได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้เกินขีดความสามารถที่มีอยู่เดิมในด้านมัลติมีเดียทำให้สามารถแสดงผลมัลติมีเดียในรูป ของมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแสดงผลในด้านเสียงและภาพวีดิทัศน์บนเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเช่นในเว็บของ exploreatcience.com ที่นำเสนอกิจกรรมการเรียนวิทยาศาสตร์ด้วยมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์
2.7 เทคโนโลยีมัลติมีเดียบนเว็บ
2.7.1 เทคโนโลยี Shockwave
สนับสนุนการแสดงเสียงภาพเคลื่อนไหวภาพวีดิทัศน์และกระบวนการที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์โดยการคลิกเมาส์เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แฟ้มมัลติมีเดียและแฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์แสดงผลบนเว็บได้พัฒนาโดยบริษัท Macromedia เทคโนโลยีนี้ใช้วิธีการทำให้แฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์แยกกระจายออกเป็นแฟ้มขนาดเล็กหลายแฟ้มด้วยโปรแกรมที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะเพื่อทำให้การขนส่งข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วแฟ้มที่เกิดขึ้นจากการกระจายนี้จะมีแฟ้มข้อมูลแฟ้มหนึ่งที่นำไปแทรกไว้ในคำสั่งของภาษา HTML การ เลือกดูแฟ้มเหล่านี้จะต้องมีการนำโปรแกรมสำหรับการแสดงผลหรือ Shockwave Player ติดตั้งเข้ากับโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ผู้ใช้จึงจะสามารถดูการแสดงผลของแฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ได้
2.7.2 เทคโนโลยี Streaming
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มองเห็นและได้ยินข้อมูลมัลติมีเดียบนเว็บในทันทีที่เริ่มมีการถ่ายโอนมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยไม่ต้องรอให้มีการถ่ายโอนแฟ้มนั้นเสร็จพัฒนาโดยบริษัท RealNetworks
เทคโนโลยี Streaming จะทำให้ผู้ฟังได้ยินเสียงและดูภาพวีดิทัศน์ตอนสั้น (video clips) โดยไม่ไปรบกวนพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสียงและภาพวีดิทัศน์จะแสดงผลในขณะที่มีการส่งผ่านสื่อตัวกลางที่อาจเป็นสายโทรศัพท์สายเคเบิลทีวีและสายที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสร้างมัลติมีเดียด้วยเทคโนโลยี Streaming มีหลักการดังนี้คือน้ำเสียงหรือภาพวีดิทัศน์ที่บันทึกมาแปลง (encoder) มาถึงไหนแล้วอะให้เป็นข้อมูล ดิจิทัลเรียกข้อมูลเสียงและวีดีทัศน์ดิจิทัลนี้ว่า RealAudio และ RealVideo ตามลำดับและเรียกโดยรวมว่า RealMedia
RealAudio และ RealVideo จัดเป็นสื่อ Streaming โปรแกรมที่นิยมใช้ในการสร้างสื่อ Streaming ได้แก่โปรแกรม QuickTime โปรแกรม RealMedia โปรแกรม Windows Media นอกจากนี้อาจใช้วิธีอื่นคือใช้โปรแกรมในการแก้ไขเสียงเช่น CoolEdit96 เพื่อการเปลี่ยนแฟ้มที่มีส่วนขยายเว็บให้เป็นReal Media หรือสื่อ Streaming
ในการแสดงผล Streaming จะต้องติดตั้งโปรแกรมแสดงผลเข้ากับโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ได้แก่โปรแกรม QuickTime Player โปรแกรม RealPlayer และโปรแกรม Windows Media Player เป็นต้น
โปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมที่พัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท RealNetworks และบริษัท Macromedia ในปัจจุบันโปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมมาตรฐานสำหรับการแสดงข้อมูลเสียงและภาพวีดิทัศน์และภาพเคลื่อนไหวที่สร้างด้วยโปรแกรม Flash อีกด้วยในลักษณะที่แสดงผลในทันทีเหมือนการเปิดจากเครื่องเล่นเทปวิทยุและวีดิทัศน์ไม่ต้องรอการถ่ายโอนแฟ้มลงเครื่องผู้ใช้ให้เสร็จก่อนส่วนโปรแกรม QuickTime Player ของบริษัท Apple Computer ก็เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เว็บแสดงเสียงและภาพวีดิทัศน์ได้ในทันทีที่เข้าไปเว็บไซต์ที่มีข้อมูลดังกล่าว
2.8 โปรแกรม Plug-Ins
ในเว็บเพจที่มีส่วนของการแสดงมัลติมีเดียอาจจะต้องมีการติดตั้งโปรแกรมสำหรับการแสดงผลที่เรียกว่าโปรแกรม Plug-Ins ดังนั้นเมื่อเข้าไปยังเว็บเพจที่ต้องมีการใช้โปรแกรม Plug-Ins จะพบคำถามทันทีว่าต้องการโอนย้ายแฟ้มโปรแกรม Plug-Ins สำหรับแสดงผลมัลติมีเดียนั้นหรือไม่ บางเว็บไซต์จะจัดทำปุ่มให้คลิกสำหรับโอนย้ายแฟ้มโปรแกรม Plug-Ins มาติดตั้งสำหรับการแสดงผลนั้นโปรแกรม Plug-Ins มักจะเป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่ใช้เวลาในการโอนย้ายแฟ้มไม่นานนัก
โปรแกรม Plug-Ins ที่เป็นที่นิยมและควรมีติดตั้งไว้ใช้งานมีดังนี้
โปรแกรม Shockwave Player และโปรแกรม Flash Player Macromedia โปรแกรมทั้งสองนี้จะทำให้คอมพิวเตอร์แสดงผลภาพเคลื่อนไหวที่มีปฏิสัมพันธ์
โปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์แสดงผลเหมือนเป็นวิทยุและทีวีทำให้รับฟังเสียงวิทยุและรับชมทีวีที่มีการกระจายเสียงและภาพผ่านเว็บรวมทั้งแฟ้มเสียงและแฟ้มวีดีทัศน์ดิจิทัลบางรูปแบบ
โปรแกรม quicktime เป็นโปรแกรมการแสดงภาพวีดิทัศน์ที่เป็นตอนสั้นๆ
มัลติมีเดียบนเว็บทำให้เว็บมีบทบาทสำคัญในการให้การศึกษาและการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษาในระบบเปิดและกระจายจากส่วนกลางทำให้มีการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงชีวิตการเรียนในห้องเรียนกับโลกภายนอกผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้แสวงหาเดินดูกันรู้จักเลือกบริโภคข้อมูลเพื่อการเสริมเติมแต่งความรู้เกิดการศึกษาตามความต้องการ (Education on Demand)
บรรนาณุกรม
1.หนังสือเทคโนโลยีสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์ศึกษา
2.https://goo.gl/images/Ef7fxS
3.https://goo.gl/images/QrtMc9
4.https://goo.gl/images/cCr9qf
5.https://goo.gl/images/H265Tx
6.https://goo.gl/images/yeooki
7.https://goo.gl/images/y3mz1W
8.https://goo.gl/images/kH8PTq
9.บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์.
เทคโนโลยีสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์ศึกษา/ บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์-- กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร,์ 2546.
2.3 การทำงานของเว็บ
เว็บทำงานภายใต้รูปแบบผู้ใช้-ผู้ใช้บริการ(Client-Server Model) โดยมีเครื่องให้บริการเว็บด้วย web Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตมีโปรแกรม web Server ทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ ในขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้จะมีโปรแกรมเว็บไคลแอนต์(Web client) สำหรับใช้ในการ เรียกเอกสารจากเครื่อง Server ตามที่อยู่ ที่ผู้ชายต้องการเครื่อง web Server จึงมีหน้าที่ให้บริการเอกสารต่างๆแก่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆโปรโตคอลที่เว็บไคลแอนต์ และเว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้สื่อสาร คือHTTPทุกเว็บไคลแอนต์ และเว็บเซิร์ฟเวอร์จะต้องสื่อถึงกันด้วย http เพื่อที่จะสามารถส่งและรับเอกสารไอเปอร์เท็กซ์และไฮเปอร์มีเดียได้ เหตุนี้จึงมักเรียก web Server ว่า http Server
โปรแกรม web client ซึ่งเป็นที่รู้จักและเป็นที่คุ้นเคยกันในยุคเว็บเริ่มต้นคือโปรแกรม MOSAIC สามารถเรียกเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ในลักษณะของการแสดงข้อมูลที่เป็นภาพได้ นอกเหนือจากข้อมูลที่เป็นข้อความแล้ว ทั้งนี้เดิมทีนั้นมีบราวเซอร์ที่เรียกแสดงได้เพียงข้อความเท่านั้นคือโปรแกรมบราวเซอร์ ที่ชื่อว่าลิงซ์(Lynx)
2.4 เว็บเพจ
หน้าของเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์แต่ละหน้าเรียกว่าเว็บเพจ (Web page) เว็บเพจเป็นแฟ้มที่เปิดดูได้ด้วยโปรแกรมเว็บบราวเซอร์เป็นแหล่งที่สามารถเชื่อมโยงไปยังบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ต ผ่านส่วนที่เป็นไฮเปอร์ลิงค์เช่น การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลการค้นหาข้อมูลการอ่านข่าวการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
แหล่งที่อยู่ของเว็บเพจเรียกว่าเว็บไซต์(Web site) แต่ละเว็บไซต์จะประกอบด้วยเว็บเพจตั้งแต่ 2-3 หน้าขึ้นไปหน้าแรกของเว็บไซต์เรียกว่าโฮมเพจส่วนหน้าอื่นๆเรียกว่าเพจโฮมเพจจึงเป็นเสมือนหน้าบ้านของข้อมูลและสารสนเทศที่อยู่ในรูปแบบของเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์นอกจากนี้หน้าแรกที่ปรากฏเมื่อเลือกใช้โปรแกรม web browser ก็เรียกว่าหน้าโฮมเพจเช่นกันซึ่งเป็นการกำหนดโดยผู้ใช้ Web Browser นั้น
ที่อยู่ (address) ของเว็บไซต์และเว็บเพจได้มีการกำหนดขึ้นเป็นสากลเพื่อบ่งบอกว่าเว็บเพจนั้นอยู่ที่ใดเรียกกันโดยย่อว่า URL (Uniform Resource locator)
URL ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนส่วนที่ 1 คือโปรโตคอลส่วนที่ 2 คือชื่อเครื่องให้บริการแม่ข่ายและส่วนที่ 3 คือเส้นทางที่บอกที่อยู่ของเอกสารในเครื่องให้บริการนั้น
ตารางที่ 3.1 แสดงตัวอย่างของ URL และผลของการใส่ URL ในช่องใส่ที่อยู่
com หมายถึง กลุ่มองค์กรการค้า (commercial)
edu หมายถึง กลุ่มองค์กรการศึกษา (educational)
gov หมายถึง กลุ่มองค์กรรัฐบาล(governmental)
mit หมายถึง กลุ่มองค์กรทหาร (military)
net หมายถึง กลุ่มองค์กรบริหารเครือข่าย (network server)
au แทน ประเทศออสเตรเลีย
jp แทน ประเทศญี่ปุ่น
uk แทน ประเทศอังกฤษ
hk แทน ประเทศฮ่องกง
th แทน ประเทศไทย
fr แทน ประเทศฝรั่งเศส
sg แทน ประเทศสิงคโปร์
ส่วนชุดที่แสดงกลุ่มขององค์กรในประเทศไทยใช้คำต่อไปนี้ เช่น
go หมายถึง หน่วยงานของรัฐบาล(governmental)
ac หมายถึง สถาบันการศึกษา(academic)
co หมายถึง องค์กรธุรกิจ (commercial)
or หมายถึง องค์กรอื่นๆเช่นรัฐวิสหกิจ (organizations)
2.5 โปรแกรมเว็บบราวเซอร์
มีส่วนประกอบของหน้าจอคล้ายคลึงกับโปรแกรมบน Windows อื่นๆคือมีส่วนที่เป็นแถบชื่อโปรแกรมแถบเมนูและแถบเครื่องมือโดยที่แถบเครื่องมือของเว็บบราวเซอร์จะมีปุ่มสำหรับคลิกเพื่อการเดินหน้าถอยหลังเพื่อไปยังเว็บเพจที่ได้คลิกเลือกดูมาแล้วมีปุ่มคลิกกลับหน้า Home Page ที่กำหนดไว้ในโปรแกรมเว็บบราวเซอร์นั้นปุ่มสำหรับการเรียกดูเอกสารที่จัดเก็บไว้และผู้อื่นๆเพื่อการใช้บริการบนเว็บเช่นไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์และการค้นหาข้อมูล เป็นต้น

ภาพที่ 2.3 แสดงหน้าจอของโปรแกรม internet explorer
หมายเลข 1 คือปุ่ม Back และปุ่ม Forward เมื่อคลิกปุ่Back จะกลับไปยังเว็บเพจหน้าที่ผ่านมาแล้วเมื่อคลิกปุ่ม Forward จะไปยังเว็บเพจหน้าถัดไปจากที่ได้ดูอยู่ในขณะนั้น
หมายเลข 2 คือปุ่ม Refresh เมื่อคลิกปุ่มนี้จะทำให้เว็บเพจหน้านั้นแสดงผลเป็นปัจจุบันปุ่มนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อการแสดงผลยังเป็นข้อมูลเก่าอยู่หรือภาพกราฟฟิกแสดงผลไม่สมบูรณ์
หมายเลข 3 คือปุ่ม Home เมื่อคลิกปุ่มนี้จะทำให้กลับไปยังหน้าโฮมเพจหรือหน้าแรกที่เราเห็นเมื่อเปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์
หมายเลข 4 คือปุ่ม search กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใช้ค้นหาข้อมูลสามารถเลือกบริการค้นหาข้อมูลด้วยโปรแกรมค้นหาที่ต้องการ
หมายเลข 5 คือปุ่ม Favorites เป็นปุ่มแสดงแถบรายการเพื่อให้เรียกเก็บแหล่งเว็บไซต์หรือเลือกแหล่งเว็บไซต์จากที่เก็บไว้นั้นทำให้สะดวกต่อการไปยังเว็บไซต์หรือเอกสารที่ต้องการไปหรือเรียกบ่อยๆ
หมายเลข 6 เป็นแถบสำหรับใส่ที่อยู่มีช่องให้พิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์หรือ URL หรือเส้นทางที่เอกสารนั้นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น
หมายเลข 7 แสดงแถบสถานะเมื่อกำลังมีการถ่ายโอนเว็บเพจให้สังเกตที่แถบล่างซ้ายนี้
2.6 มัลติมีเดียบนเว็บ
การสร้างมัลติมีเดียบนเว็บได้ขยายขอบข่ายจากการใช้ภาษา html มาใช้เทคโนโลยีบนเว็บเช่นเทคโนโลยี Shockwave และเทคโนโลยี Streaming ตลอดจนการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานกับเว็บเช่นภาษาวาจาและภาษาจาวาสคริปต์ทำให้การแสดงผลมัลติมีเดียบนหน้าเว็บเพจในระบบเครือข่ายเป็นไปได้เหมือนกับมัลติมีเดียที่เล่นจากแผ่นซีดีโดยตรงและโปรแกรมอ่านเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ก็ได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้เกินขีดความสามารถที่มีอยู่เดิมในด้านมัลติมีเดียทำให้สามารถแสดงผลมัลติมีเดียในรูป ของมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแสดงผลในด้านเสียงและภาพวีดิทัศน์บนเว็บได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเช่นในเว็บของ exploreatcience.com ที่นำเสนอกิจกรรมการเรียนวิทยาศาสตร์ด้วยมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์
ภาพที่ 2.5 มัลติมีเดียวิดีโอ
2.7 เทคโนโลยีมัลติมีเดียบนเว็บ
2.7.1 เทคโนโลยี Shockwave
สนับสนุนการแสดงเสียงภาพเคลื่อนไหวภาพวีดิทัศน์และกระบวนการที่ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์โดยการคลิกเมาส์เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แฟ้มมัลติมีเดียและแฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์แสดงผลบนเว็บได้พัฒนาโดยบริษัท Macromedia เทคโนโลยีนี้ใช้วิธีการทำให้แฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์แยกกระจายออกเป็นแฟ้มขนาดเล็กหลายแฟ้มด้วยโปรแกรมที่ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะเพื่อทำให้การขนส่งข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วแฟ้มที่เกิดขึ้นจากการกระจายนี้จะมีแฟ้มข้อมูลแฟ้มหนึ่งที่นำไปแทรกไว้ในคำสั่งของภาษา HTML การ เลือกดูแฟ้มเหล่านี้จะต้องมีการนำโปรแกรมสำหรับการแสดงผลหรือ Shockwave Player ติดตั้งเข้ากับโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ผู้ใช้จึงจะสามารถดูการแสดงผลของแฟ้มมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ได้
2.7.2 เทคโนโลยี Streaming
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มองเห็นและได้ยินข้อมูลมัลติมีเดียบนเว็บในทันทีที่เริ่มมีการถ่ายโอนมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยไม่ต้องรอให้มีการถ่ายโอนแฟ้มนั้นเสร็จพัฒนาโดยบริษัท RealNetworks
เทคโนโลยี Streaming จะทำให้ผู้ฟังได้ยินเสียงและดูภาพวีดิทัศน์ตอนสั้น (video clips) โดยไม่ไปรบกวนพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์เสียงและภาพวีดิทัศน์จะแสดงผลในขณะที่มีการส่งผ่านสื่อตัวกลางที่อาจเป็นสายโทรศัพท์สายเคเบิลทีวีและสายที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสร้างมัลติมีเดียด้วยเทคโนโลยี Streaming มีหลักการดังนี้คือน้ำเสียงหรือภาพวีดิทัศน์ที่บันทึกมาแปลง (encoder) มาถึงไหนแล้วอะให้เป็นข้อมูล ดิจิทัลเรียกข้อมูลเสียงและวีดีทัศน์ดิจิทัลนี้ว่า RealAudio และ RealVideo ตามลำดับและเรียกโดยรวมว่า RealMedia
RealAudio และ RealVideo จัดเป็นสื่อ Streaming โปรแกรมที่นิยมใช้ในการสร้างสื่อ Streaming ได้แก่โปรแกรม QuickTime โปรแกรม RealMedia โปรแกรม Windows Media นอกจากนี้อาจใช้วิธีอื่นคือใช้โปรแกรมในการแก้ไขเสียงเช่น CoolEdit96 เพื่อการเปลี่ยนแฟ้มที่มีส่วนขยายเว็บให้เป็นReal Media หรือสื่อ Streaming
ในการแสดงผล Streaming จะต้องติดตั้งโปรแกรมแสดงผลเข้ากับโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ได้แก่โปรแกรม QuickTime Player โปรแกรม RealPlayer และโปรแกรม Windows Media Player เป็นต้น
โปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมที่พัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท RealNetworks และบริษัท Macromedia ในปัจจุบันโปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมมาตรฐานสำหรับการแสดงข้อมูลเสียงและภาพวีดิทัศน์และภาพเคลื่อนไหวที่สร้างด้วยโปรแกรม Flash อีกด้วยในลักษณะที่แสดงผลในทันทีเหมือนการเปิดจากเครื่องเล่นเทปวิทยุและวีดิทัศน์ไม่ต้องรอการถ่ายโอนแฟ้มลงเครื่องผู้ใช้ให้เสร็จก่อนส่วนโปรแกรม QuickTime Player ของบริษัท Apple Computer ก็เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เว็บแสดงเสียงและภาพวีดิทัศน์ได้ในทันทีที่เข้าไปเว็บไซต์ที่มีข้อมูลดังกล่าว
ภาพที่ 2.6 แสดงการแปลงข้อมูลเสียงและภาพวีดิทัศน์ให้เป็นสู่ Streaming
ภาพที่ 3.7 แสดงจอภาพของ Real Player สำหรับแสดงภาพวีดิทัศน์
ในเว็บเพจที่มีส่วนของการแสดงมัลติมีเดียอาจจะต้องมีการติดตั้งโปรแกรมสำหรับการแสดงผลที่เรียกว่าโปรแกรม Plug-Ins ดังนั้นเมื่อเข้าไปยังเว็บเพจที่ต้องมีการใช้โปรแกรม Plug-Ins จะพบคำถามทันทีว่าต้องการโอนย้ายแฟ้มโปรแกรม Plug-Ins สำหรับแสดงผลมัลติมีเดียนั้นหรือไม่ บางเว็บไซต์จะจัดทำปุ่มให้คลิกสำหรับโอนย้ายแฟ้มโปรแกรม Plug-Ins มาติดตั้งสำหรับการแสดงผลนั้นโปรแกรม Plug-Ins มักจะเป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่ใช้เวลาในการโอนย้ายแฟ้มไม่นานนัก
โปรแกรม Plug-Ins ที่เป็นที่นิยมและควรมีติดตั้งไว้ใช้งานมีดังนี้
โปรแกรม Shockwave Player และโปรแกรม Flash Player Macromedia โปรแกรมทั้งสองนี้จะทำให้คอมพิวเตอร์แสดงผลภาพเคลื่อนไหวที่มีปฏิสัมพันธ์
โปรแกรม RealPlayer เป็นโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์แสดงผลเหมือนเป็นวิทยุและทีวีทำให้รับฟังเสียงวิทยุและรับชมทีวีที่มีการกระจายเสียงและภาพผ่านเว็บรวมทั้งแฟ้มเสียงและแฟ้มวีดีทัศน์ดิจิทัลบางรูปแบบ
โปรแกรม quicktime เป็นโปรแกรมการแสดงภาพวีดิทัศน์ที่เป็นตอนสั้นๆ
มัลติมีเดียบนเว็บทำให้เว็บมีบทบาทสำคัญในการให้การศึกษาและการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษาในระบบเปิดและกระจายจากส่วนกลางทำให้มีการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงชีวิตการเรียนในห้องเรียนกับโลกภายนอกผู้เรียนมีบทบาทเป็นผู้แสวงหาเดินดูกันรู้จักเลือกบริโภคข้อมูลเพื่อการเสริมเติมแต่งความรู้เกิดการศึกษาตามความต้องการ (Education on Demand)
บรรนาณุกรม
1.หนังสือเทคโนโลยีสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์ศึกษา
2.https://goo.gl/images/Ef7fxS
3.https://goo.gl/images/QrtMc9
4.https://goo.gl/images/cCr9qf
5.https://goo.gl/images/H265Tx
6.https://goo.gl/images/yeooki
7.https://goo.gl/images/y3mz1W
8.https://goo.gl/images/kH8PTq
9.บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์.
เทคโนโลยีสารสนเทศทางวิทยาศาสตร์ศึกษา/ บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์-- กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร,์ 2546.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น